วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุยเฟื่อง เรื่องขนม.. ตอน "Aroi Chill Chill@ Amor Bangkok"

สวัสดีวันหยุดค่ะ เพื่อน ๆ

วันนี้แดดดีทั้งวัน แต่อากาศอบอุ่น ไม่ร้อนเกินไปก็เพราะสภาพอากาศตอนนี้มีฝนตกตลอด ตลอด เหมาะแก่การออกไปเดินเที่ยวพักผ่อนค่ะ...   และสำหรับมนุษย์ชาวกรุงอย่างเรา+ท่าน นั้น ห้างสรรพสินค้าถือเป็นที่จำพรรษา .. อุ้ย! ไม่ใช่ค่ะ เป็นที่เหมาะกับการไปนั่งพักผ่อน มองดูวิถีชีวิตของคนทั่วไปแบบเพลิน ๆ ตาได้ดีทีเดียว... เห็นด้วยมั๊ยคะ??

ภายในห้างเซ็นทรัล สาขาบางนา ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เราเล็งไว้ว่าอยากไปเดินเที่ยวเล่น เพราะเราได้รู้มาว่า มีร้านเค้กร้านนึง เค้กมีรสชาติดี ราคาไม่แพง มาเปิดอยู่ที่นี่  นั่นเองค่ะ ... ดังนั้น พอรู้ว่าจะต้องไป
ก็คิดไว้แล้วจะต้องตามไปพิสูจน์ความอร่อยของเค้กร้านนี้เสียหน่อย เพราะดูจากข้อมูลในเวปไซต์แล้ว เจ้าของธุรกิจนั้น มีความตั้งใจจริงที่จะทำเค้กรสชาติดีดี ออกมาให้เรา+ท่าน นั้นได้ลิ้มลองกัน (ด้วยราคาที่ไม่แพงเลย) มาลองชมกันเลยคร้าาา

ร้านเค้กที่พูดถึงนี้ชื่อว่า "Amor Bangkok" อยู่บริเวณชั้น 2 ของห้างเซ็นทรัลบางนา ทำเลดี ดูเป็นส่วนตัว เงียบ ๆ เหมาะกับการนั่งสนทนาได้ดี และยังสามารถมองลงมาในจุดที่แสดง event ได้แบบว่า
วิวดีมั๊ก ๆ ค่ะ (มีอาหารตาให้ชมตลอดเวลาเลย) ร้านจะเป็นสีขาว พอเดินเข้าไปจะเป็นเคาน์เตอร์และ
ตู้เค้ก ด้านหลังมีบริเวณเป็นห้องกระจกเล็ก ๆ ทรงครึ่งวงกลม และมีเก้าอี้ลายดอกเล็ก ๆ กับเก้าอี้สีขาว ดูหรูหราแบบคลาสสิค เห็นแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าจะขายเค้กราคาไม่แพง ลูกค้ามาอุดหนุนเรื่อย ๆ เลยค่ะ มีทั้งที่นั่งทาน และซื้อกลับไปบ้าน เรามาชมเค้กชิ้นแรกกันก่อนเลยค่าาา

เค้กชิ้นแรกนั้น ชื่อว่า "Amor Chocolate Cake" เป็นเค้กในกลุ่ม "ละมุน" เพราะทางร้านโฆษณาไว้ทางเวบไซต์ว่าเป็นเค้กนุ่มรสละมุน



เค้กนี้เป็นเค้กช็อคโกแล็ตหน้านิ่มค่ะ มีเนื้อเค้กเป็นชิฟฟ่อน ซึ่งเค้กประเภทนี้จะมีความนุ่มและละลายในปากง่ายกว่าเค้กเนยค่ะ  สำหรับเค้กชิ้นนี้มีความสูง 3 ชั้น ชั้นที่อยู่คั่นระหว่างเนื้อเค้ก มีความสูงของครีมช็อคโกแล็ตหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร แต่หน้าเค้กจะสูงประมาณ 1.2 เซ็นติเมตร ค่ะ (หนามาก) รสชาติของเค้กจะออกขมนำ และหวานตาม (แต่หวานไม่มาก) เพราะให้รสของความเป็นดาร์กมาก ๆ แต่ต้องขอชมเชยที่เนื้อเค้กไม่แห้งค่ะ ถ้าใครที่ชอบทานเค้กแนวนี้ เราขอแนะนำให้สั่งเครื่องดื่มรสเปรี้ยว ๆ มาช่วยตัดความขมออก ก็จะทำให้ทานได้อร่อยขึ้นค่ะ  ทานชิ้นนี้เข้าไปแล้วรู้สึกอิ่มมาก เพราะส่วนผสมของเค้กมีความเข้มข้น และครีมหนามาก (คุ้มจริง ๆ) ชิ้นนี้ราคา 65 บาทค่ะ

เค้กชิ้นต่อมาที่จะนำเสนอเพื่อน ๆ มีชื่อเรียกว่า "Strawberry Fresh Cream Cake" เค้กชิ้นนี้เราคิดว่าเนื้อเค้กน่าจะเป็นสปันจ์เค้ก (Sponge Cake) รสวานิลลาค่ะ คั่นด้วยครีมสดผสมสตอร์เบอรี่ปั่น
เคล้ากันจนครีมเป็นสีชมพู ... ลักษณะครีมที่ใช้ เราคิดว่าคล้ายกับมูสสตอร์เบอรี่ เพราะครีมนั้นเซทตัว
อยู่ตัวดีเหลือเกิน และไม่ละลายง่าย ..(แฮ่ะ ๆ อันนี้แค่เป็นความคิดส่วนตั๊ว ส่วนตั๊วของเรานะคะ.. ก็เดากันไป...หุหุ) เนื้อเค้ก 2 ชั้น คั่นด้วยครีม 1 ชั้น หนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร และแต่งหน้าด้วยครีมตัวเดียวกัน แต่ราดหน้าด้วยเจลลี่รสสตอร์เบอรี่ ช่วยเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวให้ ทำให้อร่อยขึ้นอีกค่ะ .. ชิ้นนี้อร่อยถูกใจเรา ราคาเพียง 60 บาทเท่านั้นค่ะ



และเรายังได้สั่งเครื่องดื่มมาเพื่อรับประทานพร้อมกับเค้ก ให้ได้ความอร่อยมากขึ้น .. เราสั่งน้ำ
สตอร์เบอรี่ปั่น เพื่อมาทานกับเค้กช็อคโกแล็ต) ส่วนคุณสา... สหายแท้ของเรา สั่ง Hot Cappuccino มาเพื่อทานกับเค้กสตอร์เบอรี่ ก็ไปกันได้ดีเหมือนกันค่ะ น้ำปั่นเราแก้วละ 60 บาท เป็นแก้วขนาด 16 ออนซ์ ค่ะ ส่วนของคุณสา... ราคาแก้วละ 45 บาท (เท่านั้น) ค่ะ



....มาแว้ววววววววววว  น้ำปั่นของเรา ตามมาแคสหน้ากล้องได้ทันเวลาพอดี .. อิ อิ


เมื่อทานหมดก็รู้สึก......อิ่มมาก  ได้หาอะไรเสพใส่ตา ได้มากทีเดียว เพราะร้านนี้วิวดี แถมวันนี้มี Event มาลงหลายงานเลยค่ะ จ่ายไปทั้งหมด 220 บาท เท่านั้นค่ะ ไม่มี Service Charges

สรุปแล้ว.. สำหรับเรา เราขอชื่นชมเจ้าของร้านนี้ ที่รังสรรค์เค้กคุณภาพดี และมีราคาไม่แพง พร้อมกับหาทำเลดีดี ห้องสวยคลาสสิค เค้กทุกชิ้นปาดครีมได้เนียบมาก ขนาดครีมเท่ากันพอดีเป๊ะ (ให้แบบไม่อั้นเลยค่ะ) และยังหาทำเลดีดี ให้เราได้นั่งทานเค้กได้ด้วยอารมณ์ชิล ชิล แบบสบายกระเป๋า ด้วยการบริการที่ดีของพนักงานทุกคน พูดจาไพเราะ หวานหู ไม่มีสีหน้าบึ้งตึงเลย  ร้านเค้กหลาย ๆ ร้านควรจะพิจารณาถึงคุณสมบัติข้อนี้ในตัวของพนักงานหน้าร้านด้วยนะคะ อย่างเค้กร้าน Amor Bangkok นี้ เค้กมีรสชาติดีราคาไม่แพง แถมบริการดี บรรยากาศดี  .. รับรองว่าลูกค้าติดใจแน่นอนค่ะ

เพื่อน ๆ ถ้าต้องการหาขนมหวานราคาไม่แพง บรรยากาศดี บริการดี เราก็ขอแนะนำร้านนี้นะคะ
เพราะร้านที่มีข้อดีเยอะขนาดนี้ หาได้ยากโดยแท้คร้าาา.

แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้า... ค่ะ เพื่อน ๆ ลองลุ้นกันได้ว่่า Almondo Homemade Bakery เรา จะตามไปตะลอนชิมร้านไหนอีก  แล้วพบกันใหม่คร้าาาา

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุยเฟื่อง เรื่องขนม.. ตอน "รักแรกกัด" (Love at First Bite)

.... "รัก คือ การค้นพบ เป็นจุดจบ... เป็น... ทุกสิ่ง"  อ่ะอ่ะ อ๊า วันนี้เกริ่นบทนำ ก็เริ่มต้นด้วยเพลงพบรัก ซะแล้วสิคะ  แน่นอนว่าเรื่องเล่าวันนี้เกี่ยวข้องกับความรักอย่างแน่นอน แต่! ก็ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาวทั่วไปซะทีเดียวหรอกนะคะ  เป็นความรักที่เกียวข้องกับความอร่อย 555  อยากฟังแล้วชิมิคะ ^-^

โอม.. จงนึกถึงเวลาที่เราจะลิ้มลองขนมหวานสักชิ้นนึง นอกจากภาพที่สวยงาม และน่ารักแล้ว รสชาติยังบ่งบอกถึงความอร่อยมิรู้ลืม ใช่มั๊ยล่ะคะ เอาล่ะค่ะ... เรื่องเล่าวันนี้จะขอนำเสนอร้านเค้กชื่อดังแห่งจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเค้กในบ้านสวนบรรยากาศดี บริการด้วยใจ ทั้งเจ้าของบ้านเอง และพนักงานทุกคนที่ไม่ได้แต่งตัวเนี๊ยบมากมาย แต่ใส่ชุดเมือง ดูแล้วสบายตาค่ะ เข้ากับบรรยากาศเมืองเหนือ แต๊ แต๊เลยนะเจ้า...

ร้านนี้มีชื่อว่า Love at Frist Bite หรือเราจะแปลเป็นไทยว่า "รักแรกกัด" เพราะเค้กที่นี่อร่อยตั้งแต่คำแรกที่เข้าปากเลยจริง ๆ ค่ะ ก่อนจะเดินทาง เราได้ทำการบ้านเพื่อศึกษาร้านที่จะไปชิมนี้ ร้านนี้จำหน่ายเค้กสไตล์อเมริกันค่ะ เพราะรสชาติจะจัดจ้าน ถึงอกถึงใจ ถ้าเป็นคำไทย ก็อาจสาธยายด้วยคำว่า "ถึงพริก ถึงขิง" ได้เลยค่ะ 


วันที่ไปนั้นเป็นช่วงเทศกาลวันอาสาฬหบูชา ฝนตกหนักมาก น้ำท่วมถนนหน้าร้าน แต่รถก็จอดเต็มไปหมดค่ะ และแล้วก็มีพนักงานที่เสียสละสุดสุด ถือร่มคันใหญ่มาก มารับพวกเราเข้าร้าน อย่างที่พยายามไม่ให้เราเปียกกันเลยค่ะ ^-^ เมื่อเข้ามา ก็จะเจอเจ้าของบ้าน อุ๊บ! เจ้าของร้านด้วยสิคะ ชื่อ
"คุณจิรายุส แสงสว่างวัฒนะ" ออกมาต้อนรับลูกค้า และบริการลูกค้าทุกคนด้วยตนเอง  โอ๊ะ โอ๊ะ มิน่าล่ะคะ พนักงานทุกคนถึงเต็มใจบริการกันแบบสุดหัวใจกันเลยค่ะ เจ้านายลงมาลุยฝนกับลูกน้องเอง ลูกค้าก็เยอะมาก ฝนก็ตกหนักเป็นพัก ๆ คุณจิรายุส สีหน้ามีแต่รอยยิ้ม ไม่มีดุ หรือบ่นลูกน้องเลยค่ะ บริการดูแลด้วยตัวเอง แถมอาสาถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวด้วย น่าประทับใจมั๊ก ๆ ค่ะ

เค้กชิ้นแรกที่เปิดตัววันนี้ .. ต้องขออภัยที่จำชื่อเต็ม ๆ ไม่ได้ จำได้แค่ "Red Velvet.." หรือแปลง่าย ๆ ว่าเค้กกำมะหยี่ เพราะเนื้อเค้ก เป็นชิฟฟ่อนสีแดง คั่นด้วยครีมชีสรสเลิศ เป็นครีมชีสที่มีความหอมมัน เข้มข้น ไม่หวานมาก แต่ซ่อนเปรี้ยว แถม...สไลต์เค้กเนื้อบางเบานี้ แบบ 4ชั้น ให้เราได้ลิ้มรสครีมชีสสูตรพิเศษนี้ แบบ ฉ่ำ!หัวใจ กันไปข้างนึงเชียวค่ะ โอ้! คำแรกก็อร่อยมากกกกกกกกก ได้ใจไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ 



ไม่หวงครีม แถมแต่งหน้าเค้ก ด้วยการราดช็อคโกแลตรสหวาน กับแมคคาเดเมีย ซะด้วยค่ะ เจ๋งจริง ๆ เลย ... ฉนนราคา ชิ้นนี้ 95 บาทค่ะ (ครีมอร่อยมากกกกกกกกมายเหลือเกินค่ะ)

ชิ้นที่สอง ที่จะนำมาเสนอนี้ ก็จะเป็นเค้กแห่งความรักค่ะ ภาษาอิตาเลี่ยน คือ Tiramisu อยากลองสั่งมาทานดู เพราะเราเล็งไว้ตั้งแต่ตอนทำการบ้านแล้ว 5555+ และเมื่อเค้กมาเสริ์ฟ ก็เห็นถึงความฉ่ำของเนื้อเค้กจริง ๆ ค่ะ มาลองดูกัน




เห็นถึงความฉ่ำของเค้กและครีมมั๊ยคะ ชั้นล่างสุดเป็นชั้นเค้กกาแฟค่ะ เมื่อตัดรับประทานจะเห็นความฉ่ำของน้ำเชื่อมพรมเค้กที่ผสมเหล้าลิเคียว (เหล้ากลิ่นกาแฟ) หอมมาก ๆ ค่ะ ฉ่ำ ไปทั่วทั้งปากเลย (เอ... จะผิดศีลข้อ 5 มั๊ยคะเนี่ย.. ฮิ ฮิ) คั่นด้วยครีมชีสรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ ตามด้วยเนื้อเค้กอีกชั้นนึง ก่อนจะปิดหน้าด้วยวิปปิ้งครีมสด ที่โรยหน้าด้วยผงโกโก้ และแต่งหน้าด้วยช็อคโกแล็ตค่ะ กลิ่นเหล้าหอม แล้วก็ไม่แรงจนเกินไปด้วยค่ะ .. ติดจาย ติดจาย  ราคาชิ้นนี้ 85 บาทค่ะ

และเค้กชิ้นสุดท้าย เป็นเค้กที่เด็กน้อย ที่ติดตามเราไปด้วย อายุแค่ 3ขวบ แต่อยากจะช่วยชิมเค้ก เป็นคุณหลานชาย เองค่ะ วันนี้หนูน้อย ขอลองพิสูจน์ Oreo Cheese Cake ค่ะ  ^O^



ชีสเค้กชิ้นนี้มีขนาดเล็ก น่ารัก เหมาะสำหรับเด็กมาก ๆ เลยค่ะ (แต่ราคาเนี่ย .. ผู้ใหญ่ต้องจ่ายนะคะ โดนบังคับ 5555) ในภาพยังไม่ได้แกะห่อออกเลยค่ะ เพราะคุณหลานหวงมาก เธออยากแกะเองค่ะ  และเพื่อป้องกันการงอแง เราจึงต้องรอจนเธอแกะรับประทานเองค่ะ

ชีสเค้กชิ้นนี้รองก้นด้วยคุกกี้โอรีโอ้ และครีมชีสรสนุ่ม ๆ ก่อนปิดท้ายด้วยครีมสด และแต่งหน้าด้วยเชอรี่ กับคุกกี้โอริโอ้ค่ะ อันนี้เราไม่ได้ชิมเลย ได้แต่เป็นผู้เฝ้าสังเกตุการณ์ "- -  แล้วลองดูพฤติกรรมของ
คุณหลาน เมื่อเค้กเข้าปากนะคะ  (โอ้ววววว.. มันสุดยอดจริง ๆ เลย เพราะคุณเธอยิ้มมีความสุขเจง เจง)



ราคาชิ้นนี้ 85 บาท ค่ะ วันนั้นจ่ายไปทั้งหมดเฉพาะค่าเค้กก็ 265 บาทเท่านั้นค่ะ... ไม่มี Service Charges แถมบรรยากาศธรรมชาติ ร่มรื่นแมกไม้ และบริการแบบเป็นกันเองค่ะ

เรียกได้ว่าประทับใจมิรู้ลืมเลย เพราะการต้อนรับดีมาก ๆ ระหว่างที่ทาน ก็มีพนักงานเดินมาดูว่าเราต้องการอะไรอีกรึเปล่า ยุงกัดมั๊ย แถมคุณจิรายุส เจ้าของร้าน ก็เดินมาทักทายพูดคุยอยู่ตลอดเลยค่ะ แหม.. บริการดีอย่างนี้ ไม่น่าล่ะ ถึงมีแขกไปเที่ยวบ้านท่านวันละหลาย ๆคน และเค้กก็ทำไม่พอขายกันเลยค่ะ

ก่อนกลับ.. ด้วยความชื่นชมของเรา ที่มีต่อเจ้าของร้าน คือ คุณจิรายุส และภรรยา ผู้ก่อตั้งร้านเค้กในตำนานเมืองเชียงใหม่ จากรักแรกพบของทั้งสองท่าน มาเป็นร้านเค้ก Love at First Bite หรือ รักแรกกัด ให้นักชิมอย่างเรา ได้มีร้านขนมอร่อย ๆ ให้ได้แวะเวียน ท่องเที่ยวพักผ่อนในเวลายามบ่าย ในช่วงเวลาวันหยุดที่เมืองเจียงใหม่ กันนะเจ้า  ยินดีจ๊าดนักเจ้า  (ขอบคุณมากค่ะ)



และนี่คือ ภาพที่ระลึกของเรากับคุณจิรายุส เจ้าของร้านค่ะ  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ.. ขากลับพนักงานก็กางร่มคันใหญ่เดินไปส่งเราถึงรถเลยค่ะ  แหม! บริการดีมาก ๆ ประทับใจทั้งรสชาติเค้ก และการต้อนรับของเจ้าบ้านอันแสนอบอุ่นค่ะ  และสำคัญสุดสุด เราก็ต้องขอขอบคุณ คุณสา... ผู้เป็นเจ้าภาพพาเรามาชิมเค้กร้านนี้ ขอบคุณมากค่ะ ^-^

เพื่อน ๆ ถ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองเจียงใหม่ ก็ลองแวะไปได้นะคะ ของเขาอร่อยจริง ๆ ค่ะ ^ ^ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบายค่ะ

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุยเฟื่อง เรื่องขนม.. ตอน "แวะเวียน Coffee Beans by Dao"

.... เมื่อเราอยากจะทานเค้กอร่อยมาก ๆ สักชิ้นนึง เป็นเค้กที่เราต้องการทานแล้วรู้สึกประทับใจ
ติดอก ติดใจกันไปนาน แสนนนน นาน  หนึ่งในร้านเค้กในฝันของนักชิมทุก ๆ ท่านนั่นก็คือ
ร้านคอฟฟี่บีนส์บายดาว (Coffee Beans by Dao) นั่นเองค่ะ

เหตุผลที่ว่า ทำไมเค้กของร้านนี้ อยู่ในกระแสความนิยมของนักชิมตัวยงทั้งหลาย .. นั้นจึงเป็นภาระกิจของเราที่จะต้องเดินทางไปแวะชม และชิม เพื่อค้นหาคำตอบ พร้อมกับนำภาพและถ่ายทอดเรื่องเล่าความอร่อย มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ ^-^

... และแล้ว วันนี้สหายคู่ใจก็ได้ชวนเราไปชิมร้านที่มีเค้กแสนจะอร่อย เรียงรายกันเป็นตับอยู่บนตู้โชว์เลยค่ะ แต่แหม! คงไม่สามารถจะชิมวันเดียวหมดแน่นอน เพราะมีเยอะมาก และหน้าตาเก๋ ๆ ทั้งน๊าน แต่..ราคาก็สมกับคุณภาพความสดใหม่ ความอร่อย ของขนม + บรรยากาศในร้าน รวมถึงบริการอันยอดเยี่ยมของบริกรทุกท่านค่ะ

เค้กชิ้นแรกที่จะนำมาคุยให้เพื่อน ๆ ฟังมีชื่อเรียกว่า "เบบี้บูม Babyboom Cake" ค่ะ



เค้กเบบี้บูมนี้ออกจะเป็นแนวเค้กสุขภาพสักนิดนึง หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า Low Fat เพราะลักษณะเด่นของเค้กนี้ อยู่ที่เนื้อเค้กเป็นเนื้อนุ่มบางเบา ผสานความเปรี้ยวของสตอร์เบอรี่ คลุกเคล้าด้วยครีมสดรสหวานนิดนิด แต่งหน้าด้วยผลสตอร์เบอรี่และราดด้วยซอสอีกชั้นนึงค่ะ .. และเมื่อส่วนผสมลงตัวกันขนาดนี้ พอเข้าปากปุ๊บ... ความนุ่มเบา ของเค้กและครีมสด ก็ละลายในปากของนักชิมอย่างเราทันที  ^ ^ อร่อยนี้แสนจะเพลินใจ..  ราคาชิ้นละ 120 บาท ค่ะ

ดูกันชัด ๆ อีกทีนึงนะคะ ... ว๊าว น่าทานจริงๆ เลยค่ะ (อร่อยด้วย)





... ตามด้วยความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับเค้กช็อคโกแล็ตกล้วยหอมค่ะ แต่วันนี้ลองมาทานดู เพราะรู้สึกว่าที่เห็นโชว์อยู่นั้นดูเก๋ดี เพราะช็อคโกแล็ตเยอะมากกกกกกกกกกก ตอนแรกก็แอบเดาว่าเป็นช็อคโกแล็ตกานาซรึเปล่าา ??? แต่ปรากฏว่า




เมื่อถอดพลาสสิตพันเค้ก ก็ถึงกับตะลึงงัน !??!!  เพราะเค้กนี้มีแต่ช็อคโกแล็ตกับกล้วยหอมค่ะ เค้กนี้มีชื่อว่า "Banana Chocolate Cake" ค่ะ ไม่ใช่แบบหน้านิ่มนะคะ ช็อคโกแล็ตเยิ้มจนน่ารับประทานมากเลยค่ะ เนื้อเค้กก็น้อย เพราะแค่นำมารองชั้นล่าง และชั้นบนเท่านั้นเอง ส่วนตรงกลางนั้น กล้วยหอมและช็อคโกแล็ตล้วน ๆ ค่ะ เนื้อเค้กก็หอมอร่อยดี รสชาติเบา ๆ ไม่หวานมาก หอมกล้วยหอมค่ะ เข้ากันดีมากเลยทั้งเนื้อเค้ก + กล้วย + ช็อคโกแล็ตฟัจด์ อ้อ! รสของช็อคโกแล็ตไม่ขมแบบ Dark Chocolate นะคะ ออกจะเป็นแนว ๆ semi-sweet chocolate มากกว่าค่ะ ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 100 บาท ค่ะ

ชัด ๆ อีกทีนะคะ ^ ^




สรุปภาระกิจพิสูจน์ความอร่อยของเรา.. ก็เอวังฯ ด้วยราคาเค้ก 220 บาท พร้อม Service Charges 10%
อร่อยทั้งสองอย่างเลยค่ะ เกลี้ยงแบบว่า .. (เกรงใจค่ะ ไม่กล้าถ่ายจานเปล่ามาฝากกันเลยทีเดียว)

เพื่อน ๆ เป็นยังไงกันบ้างคะ อยากทานขึ้นมาแล้วใช่รึเปล่า???  อันนี้แค่นำมาฝากสนุก ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันนะคะ ใครมีโอกาส (และมีสตางค์) อยากลองไปเปิดประสบการณ์เค้กอร่อย ยอดนิยม ก็เชิญลองแวะไปนะคะ แล้วถ้ามีโอกาส Almondo Homemade Bakery by Panita จะนำเรื่องเล่าดีดี มาเล่าสู่กันฟังอีกค่ะ แล้วพบกันใหม่คร้าาาาา... บ๊าย บาย ค่ะ