วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

The wonderful day at "Silver Lake" & Bann Ton Cake

สวัสดีคร้าาาาาเพื่อนพี่น้อง แฟน ๆ ของ Almondo Homemade Bakery by Panita

ก่อนอื่น..เราต้องขออภัยเพื่อน ๆ แฟนคลับของร้านขนมเราด้วยนะคะ..ที่เรามาอัพเดทเรื่องราวดีดี ให้เพื่อน ๆ ล่าช้าไปนานเลยค่ะ ... เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เราก็ขอเอาใจช่วยให้ลุกขึ้นสู้อย่างมีสติ อย่าเพิ่งท้อ หรือหมดหวังนะคะ ^ ^
เมื่อไม่นานมานี้ เรากับคุณสารถีกิตติมศักดิ์ มีโอกาสได้แวะไปเที่ยวจังหวัดชลบุรี แล้วก็พัทยา ไปตระเวนหาที่เที่ยวที่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ ที่ได้บรรยากาศดี ราคาไม่แพง งานนี้เลยได้เก็บภาพบรรยากาศมาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยค่ะ ^ ^

ขับรถเข้าจังหวัดชลบุรี.. ที่นี่หลาย ๆท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อ "เขาชีจรรย์" กันนะคะ เขานี้มีความโดดเด่น เกี่ยวกับรูปแกะสลักพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ยิงสลักด้วยแสงเลเซอร์เมื่อครั้นงานเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539 กันค่ะ ถ้ารู้จักที่นี่กันก็จะรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนี้ อยู่ติดกับเขาชีจรรย์ นั่นก็คือ "Silver Lake" ไร่องุ่นขนาดใหญ่บรรยากาศแบบเมืองนอกกกกกกกกกก มั๊ก ๆ ของคุณสุพรรษา เนื่องภิรมย์ ค่ะ



วันนั้นที่เราได้ไปเยี่ยมเยียนที่นี่ ฟ้าค่อนข้างหลัว เนื่องจากมีฝนตกปลอย ๆ แสงเลยไม่ค่อยดีค่ะ ประกอบกับเป็นช่วงที่ทางไร่ ทำการรื้อแปลงปลูกองุ่น เพื่อเปลี่ยนสายพันธุ์จากองุ่นแบบทานผล มาเป็นองุ่นแบบทำไวน์ ภาพมุมกว้างเลยยังไม่ค่อยสวยเท่าไรค่ะ.. แต่บรรยากาศดีมาก ถ้าเป็นช่วงค่ำ ๆ คงจะโรแมนติกม๊าก... มาก ค่ะ

มาถึงก็แวะซื้อน้ำองุ่น แล้วก็เดินเล่น.... ได้แป๊บนึง เหมือนฝนจะมา เลยหนีขึ้นไปทานอาหารด้านบน แต่อุ๊ย ว๊าว! ว๊าว! ร้านอาหารที่นี่แบบว่า อิตาลี มั๊ก ๆ เลยค่ะ  ดูหรูหรา ไฮโซ อาหารก็อร่อยค่ะ แต่งจานสวย จัดโต๊ะสวยค่ะ

อันนี้เป็นภาพกระดาษทิชชู่ที่แต่งบนโต๊ะอาหาร... สวยดี เลยถ่ายภาพมาฝากกันค่ะ


เห็นมั๊ยคะ.. โต๊ะอาหารจัดได้สวยมาก แจกันดอกไม้เป็นแก้วใส .. กระดาษทิชชู่ก็จัดวางในแก้วทรงสูง เข้ากับบรรยากาศของห้องอาหารที่เป็นกระจกโดยรอบ สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้ดีทีเดียว


อาหารวันนี้... ข้าวผัดไก่ ที่จัดจานด้วยรูปหัวใจ แหม...เหมาะกับคู่รักอย่างเรา..อิอิ ว่าแต่จานนี้รสชาติจะหวานไปรึเปล่าน๊ออ



แถมด้วยพิซซ่าตำรับอิตาลี ที่ใช้แป้งหมัก โรยแต่งหน้าด้วยมอสเซอเรร่าชีส กับเครื่องที่ชอบ แล้วปิ้งกับเตาฟืน ได้แป้งบางกรอบ หอมชีส อร๊อย อร่อย รสชาติดีไม่หนักเครื่อง และไม่เลี่ยนไขมัน จนเกินไปค่ะ



สนน ราคามื้อเที่ยงวันนี้ รวม VAT 7% แล้ว ข้าวผัด 2 จาน กับพิซซ่า 1 ถาด และน้ำดื่ม 1 ชุด ประมาณ 600 บาท ไม่มี Service charges ค่ะ  รับประกันเลยว่าบริการดีมาก บรรยากาศโรแมนติก (แต่วันนั้นคนเยอะมากไปหน่อย คงเพราะเข้ามาหลบฝนด้วยค่ะ) ^ ^ ภาพด้านล่างนี้ เป็นบรรยากาศด้านข้าง ของร้านอาหารค่ะ



ภาพบริเวณด้านหน้า ของร้านอาหารค่ะ



ภาพบริเวณทางขึ้นร้านอาหารค่ะ .. เห็นว่าสวยดี แต่ว่าต้องขออภัยแฟน ๆ สักนิ๊ดดดนึงนะคะ เนื่องจากนางแบบ แบบว่าราศีคุณนายจับ ไปหน่อยนึงอ่ะนะคะ  แฮ่ะ แฮ่ะ "- -


เป็นอย่างไรบ้างคะ.. ถ้าไม่บอกว่าอยู่ชลบุรี คงคิดว่าเจ้าของร้านขนมกับคุณสารถีกิตติมศักดิ์ แอบไปฮันนีมูนกันที่ต่างประเทศแน่ ๆ เลย ฮ่า ฮ่า..

ช่วงบ่าย.. ก็ตามเคย แวะขับรถเที่ยวไปรอบ ๆ เมือง แล้วก็ได้เวลา "Coffee Break" เราเคยได้ยินมาว่า ที่จังหวัดชลบุรีนี้ มีร้านเค้กสวย ๆ บรรยากาศน่ารัก ๆ แล้วเค้กก็รสชาติดี  แต่ว่า.. เอ๊ อยู่ไหนน๊อ งานนี้คุณสารถี อาสาพาไปถึงที่ (เพราะคุณพี่แอบเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว .. หุหุ)



มาถึงแล้ว.... "บ้านต้นเค้ก".. โอ้โห บรรยากาศน่ารักมาก  แต่คนเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ..





เดินเข้ามาในร้าน ก็จะเป็นทางเดินสนามหญ้าจำลอง เข้ามาเป็นห้องกระจกติดแอร์ เป็นห้องแอร์เล็ก ๆ สำหรับเลือกเค้ก และสั่งเครื่องดื่มค่ะ .. มีโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานเหมือนกัน แต่ไม่กี่โต๊ะค่ะ ส่วนใหญ่เน้นบรรยากาศนอกร้านกัน เพราะได้นั่งกินลม .. เอ๊ย กินเค้ก เคล้าสายลม และการตกแต่งร้านที่ได้บรรยากาศดี๊ .. ดี ค่ะ



มีมุมสวย ๆ ที่ทางร้านจัดเอาไว้.. ให้ลูกค้าได้แวะถ่ายรูปกัน ... บอกตามตรงนะคะ บรรยากาศ เหมือนอยู่ใน Wedding Studio เลยค่ะ.... (จริง ๆ นะตัว) ลมเย็น... อากาศดี เค้กก็รสชาติดี ว่าแล้ว .. โชว์รูปเค้กของร้านนี้ดีกว่าค่ะ (เกือบลืมเลย)




เราสั่งกาแฟเย็นไป 2 แก้ว พร้อมกับเค้ก... ส่วนใหญ่เค้กร้านนี้ จะเป็นเค้กที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เช่น เค้กส้ม, เค้กช็อคโกแล็ตหน้านิ่ม หรือบานอฟฟี่ค่ะ จะมีแปลก ๆ บ้างก็มี.. ชิ้นแรกที่เราสั่งเป็นเค้กยอดนิยม ที่ต้องมีกันทุกร้านค่ะ... นั่นคือ "บลูเบอร์รี่ ชีสเค้ก. "  ชีสเค้กแช่เย็น ที่ร้านนี้จะรองฐานด้วยสปั้นวานิลลาเนื้อนุ่ม ราดด้วยบลูเบอร์รี่พร้อมซอส .. รสชาติจัดว่าดี สมราคาค่ะ ชิ้นนี้ 75 บาท เท่านั้นค่ะ

อีกมุมหนึ่งค่ะ


เค้กอีกชิ้นหนึ่งที่เราสั่ง... อันนี้ไม่เคยเห็นที่ไหน เห็นว่าแปลกดี เลยลองสั่งดูค่ะ



เค้กชิ้นนี้มีชื่อว่า "เค้กช็อคโกแล็ตอะโฮลิค Chocolate Aholic" เป็นเค้กสปั้นจ์รสช็อคโกแล็ตค่ะ คั่นด้วยพุดดิ้ง.. ตัวครีมเป็นพุดดิ้ง .. แต่ไม่แน่ใจว่าทั้งเค้ก และตัวพุดดิ้ง ใช้ส่วนผสมอะไร .. เพราะเนื้อเค้กจะมีรสชาติออกขม ๆ หวานเล็กน้อย แต่รสจะหนักไปหน่อย ไม่เหมือนเค้กช็อคโกแล็ตทั่วไปค่ะ  .. ชิ้นนี้ ราคา 85 บาท ค่ะ

สิ่งที่เราประทับใจจากร้านนี้.. อยู่ตรงที่ ร้านนี้ไม่ใช่แค่ร้านสำหรับมานั่งทานเค้กเพียงอย่างเดียว.. แต่มีมุมให้ถ่ายภาพโดยรอบเลยค่ะ


.. การตกแต่งร้านด้วยดอกกุหลาบผ้า ไม่ว่าจะเป็นแจกันดอกกุหลาบ พุ่มกุหลาบทำให้ได้บรรยากาศ เหมือนอยู่ในโลกของจินตนาการสวนที่สวยงาม..  เคล้ากับลมทะเลธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่มาทานเค้กร้านนี้ เหมือนกับได้พักผ่อนไปได้ในตัวค่ะ.. บรรยากาศดีดี กับบริการดีดี ก็สามารถทำให้รสชาติเค้ก อร่อยเพิ่มได้ดีค่ะ.. เห็นหลาย ๆ ท่านที่มา นั่งกันยาวเลย ๆ ต้องสั่งเค้กทานกันอีก ^ ^


ใครที่แวะมาเที่ยวชลบุรี.. อย่าลืมแวะมาทานเค้กร้านนี้กันนะคะ บรรยากาศดี บริการดี ไม่ต้องสั่งเครื่องดื่มก็ได้ค่ะ เพราะมีบริกร มาต้อนรับท่านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แบบเป็นกันเอง พร้อมเสริ์ฟน้ำเย็นให้ท่านด้วยค่ะ.. พอน้ำใกล้หมด ก็เดินมาเติมเรื่อย ๆ เลย ดูแลลูกค้าดีอย่างนี้นี่เอง ลูกค้าถึงได้ตรึมเลยค่ะ


ทางเข้าห้องน้ำค่ะ.. เก๋ ดูดี มีคลาส



มุมหนึ่งบริเวณหน้าร้านค่ะ..




น่านั่งทุกมุมเลยค่ะ  ^ ^ ร้านเขาตกแต่งได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ อ้อ! มีมุมให้นั่งกับพื้นสนามหญ้าด้วยนะคะ แต่ไม่กล้าถ่ายภาพมาฝากค่ะ เกรงใจ แฮ่ะ แฮ่ะ สาว ๆ เขานอนแอ้งแม้งกันเลย.. อากาศดีน่ะค่ะ





และแล้ว.. เวลาเม้าส์ของเราก็หมดลง  เป็นยังไงกันบ้างคะ.. ร้านอาหารและร้านเค้กขึ้นชื่อ ของ จ.ชลบุรี เก๋ ดูดี มีรสนิยม ราคาก็เหมาะกับสินค้า ค่ะ ^  ^ ถ้าได้แวะไปเที่ยว.. ก็ลองไปเยี่ยมเยียนทั้งสองร้านนี้ดูค่ะ ..  คราวหน้าเพื่อน ๆ เตรียมพบกับเค้กอร่อยสไตล์ยุโรปของร้าน Almondo Homemade Bakery by Panita นะคะ .. สำหรับวันนี้ ขอบคุณ และสวัสดีค่ะ

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

เปิดตัว...เค้กช็อคโกแล็ตกล้วยหอม + หน้าช็อคโกแล็ตเยิ้ม เยิ้ม

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา Almondo Homemade Bakery by Panita ได้มีโอกาสนำคัพเค้กช็อคโกแล็ตกล้วยหอม ที่สอดไส้ถั่วอัลมอนด์ และช็อคโกแล็ตชิพ แถมราดหน้าด้วยช็อคโกแล็ตนมรสชาติเข้มข้น ไปร่วมงานทำบุญประจำปีของบริษัทแห่งหนึ่งค่ะ




ขอเม้าส์ว่า... ตอนที่อบขนมอยู่นั้น บ้านหอมมาก... หอมจนนอนหลับสบายเลยค่ะ 555





บรรยากาศของงาน ก็มีเพื่อน ที่พอเสร็จงานแล้ว ต่างก็แปลงร่างเป็นนักชิมกิตติมศักดิ์ของเราค่ะ




และแล้ว เราก็ได้นำเค้กนี้ถวายแด่พระสงฆ์ตอนเพลค่ะ





เสร็จจากเลี้ยงพระแล้ว.... เค้กของเราก็ช่วยเรียกน้ำย่อยเพื่อนๆ เหล่านักชิมกิตติมศักดิ์ได้ไม่น้อยทีเดียวค่ะ.. และแล้ว ก็หมด... หมด ... หมด แถมประทับใจเพื่อน ๆ ในงานกันทุกคนค่ะ

งานนี้... เราก็ยิ้ม ^-^ อิ่มบุญ และยิ้มอิ่มใจ ที่เพื่อน ๆ ต่างชื่นชอบขนมเค้กของเรา ที่เราตั้งใจทำมาเต็มที่ค่ะ ...

เคล็ดลับความอร่อยของ Almondo Homemade Bakery by Panita อยู่ที่การรังสรรค์ความอร่อยให้ลงตัว ด้วยการคัดเลือกแต่วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ และผลิตอย่างเข้าถึงแก่นแท้ของวัตถุดิบที่ใช้ในการอบค่ะ
มั่นใจได้ว่า นอกจากความอร่อยแล้ว  รสชาติยังติดตราตรึงใจทุกคนได้อย่างแน่นอนค่ะ

ขอขอบคุณเพื่อน ๆ นักชิมกิตติมศักดิ์ทุกท่าน รวมถึงเพื่อนพนักงานทุกคนที่ช่วยให้งานทำบุญแผนก ประจำปี สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีค่ะ และขออนุโมทนาบุญทุกท่าน มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

สำหรับแฟน ๆ Almondo Homemade Bakery by Panita ติดตามผลงานของเราครั้งต่อไป.. ลองเดาดูซิว่า คราวหน้าเราจะเอาอะไรมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ ... สำหรับวันนี้ ขอบคุณ และสวัสดีค่ะ @^-^@






ลั้ลลาสบายใจ @Secret Garden Sathorn

สวัสดีคร้าาาาาา

กลับมาทักทายเพื่อน ๆ อีกแล้ว หลังจากหายหน้าหายตาไป 1 เดือนเลยทีเดียว แต่ไม่ลืมที่จะหาเรื่องราวดีดีที่น่าสนใจมาเล่าสู่เพื่อน ๆ อีกเช่นเคยค่ะ

เมื่อสัก 10 ปีก่อน เราคุ้นเคยมากกับถนนสาทรใต้ เพราะเรียนอยู่ในซอยสวนพลู ทุ่งมหาเมฆ ตั้งแต่ชั้น ปวช. จนเรียนจบ ปวส. ช่วงที่เรียนอยู่นั้น ทาง กทม. ได้เปลี่ยนแปลงตัวสะกดของชื่อเขตจาก "เขตสาธร" เป็น "เขตสาทร" ยังจำได้ว่า เวลาที่เลิกเรียนก็จะนั่งรถเมล์ผ่านถนนเส้นนี้ตลอด ตลอด แล้วก็จะผ่านบ้านโบราณหลังหนึ่ง มีสีฟ้าอ่อนค่อนไปทางโทนสีเทา อยู่ตรงข้ามกับปั๊มเชลล์เสมอ เสมอ...

และแล้วกาลเวลาผ่านมา เอิ๊ง เอย เอิ๊ง เอย... บ้านสวนโบราณ ถูกเนรมิตบริเวณพื้นที่ด้านหน้า ให้กลายเป็น The Secret Gargen Restuarant ในวันนี้..  ด้วยบรรยากาศที่สอดคล้องกับบ้านโบราณหลังเดิม คือเป็นร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยไม้ มีหลังคาลายฉลุ แบบบ้านสมัยโบราณ





บรรยากาศของพระอาทิตย์ยามเย็นวันหนึ่ง ลมแรงกำลังดี ร่มรื่น แสงสว่างของหลอดไฟสีอบอุ่น แสนจะรื่นรมย์ใจ การตกแต่งภายในที่เย็นสบายตา ด้วยโทนสีเขียวอ่อน และการประดับลวดลายของดอกไม้หลากสีสัน




เมนูที่เราสั่งวันนี้คือ ...  New York Cheese Cake ทานกับ กาแฟลาเต้เย็นปั่น




ให้เค้กชิ้นนี้ โพสต์ท่าอีกทีนะคะ




New York Cheese Cake ชิ้นนี้ฐานกรุด้วยคุกกี้เนยสดให้กลิ่นหอมและฉ่ำมาก เนื้อเค้กมีรสนุ่มของชีส ออกรสเปรี้ยว (เปรี้ยวนำมาเลยค่ะ) และมีรสของโยเกิร์ตผสมด้วยค่ะ แต่งหน้าด้วยวิปครีม และราดหน้าด้วยเชอรรี่ 7 ลูกพอดีค่ะ ^ ^ โดยส่วนตัวเราชอบเค้กนี้ เพราะออกเป็นเค้กแนวสุขภาพค่ะ กลิ่นที่หอมของคุกกี้เนยสดที่ใช้เป็นฐานของเค้ก ช่วยให้เค้กนี้มีกลิ่นหอมและสร้างรสสัมผัสที่ดี กล่าวคือ เมื่อเราตัดเค้กจากบนลงถึงฐาน พอเข้าปากแล้ว รสเปรี้ยวของเค้กชั้นบนจะถูกกลบด้วยความฉ่ำ และความหอมของคุกกี้เนย ที่ใช้เป็นฐานรองเค้กค่ะ ...

แต่... เราขอบอกว่าลาเต้ปั่น ยังไม่ค่อยถูกใจเราเลย เพราะว่ามันจืดมาก  T____T

ต่อมา.. เจ้ามือเรา สั่งเค้ก มีชื่อว่า Earl Gray (เอิร์ล เกร) พร้อมกับมอคค่าเย็นค่ะ




ดูชัด ๆ อีกทีค่ะ



เค้กนี้เป็นเค้กชาอังกฤษค่ะ มีสีเทา รูปแบบก็เหมือนเค้กชาไทย คือเป็นสปองจ์เค้ก และคั่นแต่ละชั้นด้วยชาหน้านิ่ม ก่อนจะแต่งหน้าด้วยวิปครีม + ช็อคโกแล็ต และโรยด้วยผงโกโก้ค่ะ

รสชาติของเค้ก นุ่ม และสปริงตัวดีค่ะ (สังเกตจากตอนเสริ์ฟ เค้กมาแบบดึ๋ง ดึ๋งเลยค่ะ ฮ่าฮ่า) กลิ่นหอมของชานี้หอมกลมกล่อมจริง ๆ นะคะ แอบคิดว่ากลมกล่อมกว่าชาไทยอีก ^ ^ กลิ่นหอมติดปากเลยค่ะ แต่.. ส่วนตัวคิดว่าดูไม่ค่อยเข้ากัน ที่เอาช็อคโกแล็ตมาติด หรือโรยด้วยโกโก้น่ะค่ะ แต่ดูโดยรวมก็ดูแปลกตาไปอีกแบบค่ะ

สนนราคา New York Cheese Cake อยู่ที่ชิ้นละ 135 บาท ลาเต้ปั่นแก้วละ 110 บาทค่ะ ส่วน Earl Gray ราคาชิ้นละ 110 บาท และมอคค่าเย็นแก้วละ 105 บาทค่ะ (ถ้าทานที่ร้าน มีค่า Service Charges 10% ค่ะ)

จากที่เคยไปแวะเวียนร้าน คอฟฟี่บีนส์บายดาวที่ซอยร่วมฤดี  เทียบกับบรรยากาศของ Secret Gargen สาทร ร้านนี้ ดูจะคนละแบบเลย ของคอฟฟี่บีนส์จะออกแนวร้านอาหารในโรงแรม มีบริกรเดินไปมาตลอด โต๊ะเก้าอี้ จะดูทนทานแข็งแรง นั่งสบาย  แต่ของร้าน Secret Gargen จะตกแต่งร้านด้วยโทนสีสดใส บริกรจะอยู่ประจำเป็นจุดๆ ค่ะ ส่วนโต๊ะเก้าอี้ เน้นโยกย้าย หรือต่อโต๊ะได้ง่าย ๆ ค่ะ

สรุปแล้ววันนี้.. เราก็ได้มาลิ้มลองเค้กแนวใหม่ ๆ ในบรรยากาศที่รื่นรมย์ใกล้กับบ้านไม้โบราณ ที่เราเคยเห็นเมื่อ 10 ปีก่อนแบบใกล้ชิดกันเลยทีเดียวค๊าาา...

บรรยากาศของถนนสาทรในวันนี้ เมื่อเทียบกับวันวาน ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ยังคงเป็นสีสันที่โดดเด่นให้กับกรุงเทพฯ ตลอดทุกโมงยามค่ะ

ขอขอบคุณเพื่อน ๆ และแฟนคลับที่ติดตามผลงาน .. รอบหน้าจะเล่าเรื่องราวของเค้ก ที่ Almondo Homemade Bakery by Panita นำไปเปิดตัวเป็นครั้งแรกให้เพื่อน ๆ ได้ติดตามกันค่ะ...

แล้วพบกันคร้าาา.... สวัสดีค่ะ ^-^

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุยเฟื่อง เรื่องขนม.. ตอน "Aroi Chill Chill@ Amor Bangkok"

สวัสดีวันหยุดค่ะ เพื่อน ๆ

วันนี้แดดดีทั้งวัน แต่อากาศอบอุ่น ไม่ร้อนเกินไปก็เพราะสภาพอากาศตอนนี้มีฝนตกตลอด ตลอด เหมาะแก่การออกไปเดินเที่ยวพักผ่อนค่ะ...   และสำหรับมนุษย์ชาวกรุงอย่างเรา+ท่าน นั้น ห้างสรรพสินค้าถือเป็นที่จำพรรษา .. อุ้ย! ไม่ใช่ค่ะ เป็นที่เหมาะกับการไปนั่งพักผ่อน มองดูวิถีชีวิตของคนทั่วไปแบบเพลิน ๆ ตาได้ดีทีเดียว... เห็นด้วยมั๊ยคะ??

ภายในห้างเซ็นทรัล สาขาบางนา ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เราเล็งไว้ว่าอยากไปเดินเที่ยวเล่น เพราะเราได้รู้มาว่า มีร้านเค้กร้านนึง เค้กมีรสชาติดี ราคาไม่แพง มาเปิดอยู่ที่นี่  นั่นเองค่ะ ... ดังนั้น พอรู้ว่าจะต้องไป
ก็คิดไว้แล้วจะต้องตามไปพิสูจน์ความอร่อยของเค้กร้านนี้เสียหน่อย เพราะดูจากข้อมูลในเวปไซต์แล้ว เจ้าของธุรกิจนั้น มีความตั้งใจจริงที่จะทำเค้กรสชาติดีดี ออกมาให้เรา+ท่าน นั้นได้ลิ้มลองกัน (ด้วยราคาที่ไม่แพงเลย) มาลองชมกันเลยคร้าาา

ร้านเค้กที่พูดถึงนี้ชื่อว่า "Amor Bangkok" อยู่บริเวณชั้น 2 ของห้างเซ็นทรัลบางนา ทำเลดี ดูเป็นส่วนตัว เงียบ ๆ เหมาะกับการนั่งสนทนาได้ดี และยังสามารถมองลงมาในจุดที่แสดง event ได้แบบว่า
วิวดีมั๊ก ๆ ค่ะ (มีอาหารตาให้ชมตลอดเวลาเลย) ร้านจะเป็นสีขาว พอเดินเข้าไปจะเป็นเคาน์เตอร์และ
ตู้เค้ก ด้านหลังมีบริเวณเป็นห้องกระจกเล็ก ๆ ทรงครึ่งวงกลม และมีเก้าอี้ลายดอกเล็ก ๆ กับเก้าอี้สีขาว ดูหรูหราแบบคลาสสิค เห็นแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าจะขายเค้กราคาไม่แพง ลูกค้ามาอุดหนุนเรื่อย ๆ เลยค่ะ มีทั้งที่นั่งทาน และซื้อกลับไปบ้าน เรามาชมเค้กชิ้นแรกกันก่อนเลยค่าาา

เค้กชิ้นแรกนั้น ชื่อว่า "Amor Chocolate Cake" เป็นเค้กในกลุ่ม "ละมุน" เพราะทางร้านโฆษณาไว้ทางเวบไซต์ว่าเป็นเค้กนุ่มรสละมุน



เค้กนี้เป็นเค้กช็อคโกแล็ตหน้านิ่มค่ะ มีเนื้อเค้กเป็นชิฟฟ่อน ซึ่งเค้กประเภทนี้จะมีความนุ่มและละลายในปากง่ายกว่าเค้กเนยค่ะ  สำหรับเค้กชิ้นนี้มีความสูง 3 ชั้น ชั้นที่อยู่คั่นระหว่างเนื้อเค้ก มีความสูงของครีมช็อคโกแล็ตหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร แต่หน้าเค้กจะสูงประมาณ 1.2 เซ็นติเมตร ค่ะ (หนามาก) รสชาติของเค้กจะออกขมนำ และหวานตาม (แต่หวานไม่มาก) เพราะให้รสของความเป็นดาร์กมาก ๆ แต่ต้องขอชมเชยที่เนื้อเค้กไม่แห้งค่ะ ถ้าใครที่ชอบทานเค้กแนวนี้ เราขอแนะนำให้สั่งเครื่องดื่มรสเปรี้ยว ๆ มาช่วยตัดความขมออก ก็จะทำให้ทานได้อร่อยขึ้นค่ะ  ทานชิ้นนี้เข้าไปแล้วรู้สึกอิ่มมาก เพราะส่วนผสมของเค้กมีความเข้มข้น และครีมหนามาก (คุ้มจริง ๆ) ชิ้นนี้ราคา 65 บาทค่ะ

เค้กชิ้นต่อมาที่จะนำเสนอเพื่อน ๆ มีชื่อเรียกว่า "Strawberry Fresh Cream Cake" เค้กชิ้นนี้เราคิดว่าเนื้อเค้กน่าจะเป็นสปันจ์เค้ก (Sponge Cake) รสวานิลลาค่ะ คั่นด้วยครีมสดผสมสตอร์เบอรี่ปั่น
เคล้ากันจนครีมเป็นสีชมพู ... ลักษณะครีมที่ใช้ เราคิดว่าคล้ายกับมูสสตอร์เบอรี่ เพราะครีมนั้นเซทตัว
อยู่ตัวดีเหลือเกิน และไม่ละลายง่าย ..(แฮ่ะ ๆ อันนี้แค่เป็นความคิดส่วนตั๊ว ส่วนตั๊วของเรานะคะ.. ก็เดากันไป...หุหุ) เนื้อเค้ก 2 ชั้น คั่นด้วยครีม 1 ชั้น หนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร และแต่งหน้าด้วยครีมตัวเดียวกัน แต่ราดหน้าด้วยเจลลี่รสสตอร์เบอรี่ ช่วยเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวให้ ทำให้อร่อยขึ้นอีกค่ะ .. ชิ้นนี้อร่อยถูกใจเรา ราคาเพียง 60 บาทเท่านั้นค่ะ



และเรายังได้สั่งเครื่องดื่มมาเพื่อรับประทานพร้อมกับเค้ก ให้ได้ความอร่อยมากขึ้น .. เราสั่งน้ำ
สตอร์เบอรี่ปั่น เพื่อมาทานกับเค้กช็อคโกแล็ต) ส่วนคุณสา... สหายแท้ของเรา สั่ง Hot Cappuccino มาเพื่อทานกับเค้กสตอร์เบอรี่ ก็ไปกันได้ดีเหมือนกันค่ะ น้ำปั่นเราแก้วละ 60 บาท เป็นแก้วขนาด 16 ออนซ์ ค่ะ ส่วนของคุณสา... ราคาแก้วละ 45 บาท (เท่านั้น) ค่ะ



....มาแว้ววววววววววว  น้ำปั่นของเรา ตามมาแคสหน้ากล้องได้ทันเวลาพอดี .. อิ อิ


เมื่อทานหมดก็รู้สึก......อิ่มมาก  ได้หาอะไรเสพใส่ตา ได้มากทีเดียว เพราะร้านนี้วิวดี แถมวันนี้มี Event มาลงหลายงานเลยค่ะ จ่ายไปทั้งหมด 220 บาท เท่านั้นค่ะ ไม่มี Service Charges

สรุปแล้ว.. สำหรับเรา เราขอชื่นชมเจ้าของร้านนี้ ที่รังสรรค์เค้กคุณภาพดี และมีราคาไม่แพง พร้อมกับหาทำเลดีดี ห้องสวยคลาสสิค เค้กทุกชิ้นปาดครีมได้เนียบมาก ขนาดครีมเท่ากันพอดีเป๊ะ (ให้แบบไม่อั้นเลยค่ะ) และยังหาทำเลดีดี ให้เราได้นั่งทานเค้กได้ด้วยอารมณ์ชิล ชิล แบบสบายกระเป๋า ด้วยการบริการที่ดีของพนักงานทุกคน พูดจาไพเราะ หวานหู ไม่มีสีหน้าบึ้งตึงเลย  ร้านเค้กหลาย ๆ ร้านควรจะพิจารณาถึงคุณสมบัติข้อนี้ในตัวของพนักงานหน้าร้านด้วยนะคะ อย่างเค้กร้าน Amor Bangkok นี้ เค้กมีรสชาติดีราคาไม่แพง แถมบริการดี บรรยากาศดี  .. รับรองว่าลูกค้าติดใจแน่นอนค่ะ

เพื่อน ๆ ถ้าต้องการหาขนมหวานราคาไม่แพง บรรยากาศดี บริการดี เราก็ขอแนะนำร้านนี้นะคะ
เพราะร้านที่มีข้อดีเยอะขนาดนี้ หาได้ยากโดยแท้คร้าาา.

แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้า... ค่ะ เพื่อน ๆ ลองลุ้นกันได้ว่่า Almondo Homemade Bakery เรา จะตามไปตะลอนชิมร้านไหนอีก  แล้วพบกันใหม่คร้าาาา

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุยเฟื่อง เรื่องขนม.. ตอน "รักแรกกัด" (Love at First Bite)

.... "รัก คือ การค้นพบ เป็นจุดจบ... เป็น... ทุกสิ่ง"  อ่ะอ่ะ อ๊า วันนี้เกริ่นบทนำ ก็เริ่มต้นด้วยเพลงพบรัก ซะแล้วสิคะ  แน่นอนว่าเรื่องเล่าวันนี้เกี่ยวข้องกับความรักอย่างแน่นอน แต่! ก็ไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาวทั่วไปซะทีเดียวหรอกนะคะ  เป็นความรักที่เกียวข้องกับความอร่อย 555  อยากฟังแล้วชิมิคะ ^-^

โอม.. จงนึกถึงเวลาที่เราจะลิ้มลองขนมหวานสักชิ้นนึง นอกจากภาพที่สวยงาม และน่ารักแล้ว รสชาติยังบ่งบอกถึงความอร่อยมิรู้ลืม ใช่มั๊ยล่ะคะ เอาล่ะค่ะ... เรื่องเล่าวันนี้จะขอนำเสนอร้านเค้กชื่อดังแห่งจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเค้กในบ้านสวนบรรยากาศดี บริการด้วยใจ ทั้งเจ้าของบ้านเอง และพนักงานทุกคนที่ไม่ได้แต่งตัวเนี๊ยบมากมาย แต่ใส่ชุดเมือง ดูแล้วสบายตาค่ะ เข้ากับบรรยากาศเมืองเหนือ แต๊ แต๊เลยนะเจ้า...

ร้านนี้มีชื่อว่า Love at Frist Bite หรือเราจะแปลเป็นไทยว่า "รักแรกกัด" เพราะเค้กที่นี่อร่อยตั้งแต่คำแรกที่เข้าปากเลยจริง ๆ ค่ะ ก่อนจะเดินทาง เราได้ทำการบ้านเพื่อศึกษาร้านที่จะไปชิมนี้ ร้านนี้จำหน่ายเค้กสไตล์อเมริกันค่ะ เพราะรสชาติจะจัดจ้าน ถึงอกถึงใจ ถ้าเป็นคำไทย ก็อาจสาธยายด้วยคำว่า "ถึงพริก ถึงขิง" ได้เลยค่ะ 


วันที่ไปนั้นเป็นช่วงเทศกาลวันอาสาฬหบูชา ฝนตกหนักมาก น้ำท่วมถนนหน้าร้าน แต่รถก็จอดเต็มไปหมดค่ะ และแล้วก็มีพนักงานที่เสียสละสุดสุด ถือร่มคันใหญ่มาก มารับพวกเราเข้าร้าน อย่างที่พยายามไม่ให้เราเปียกกันเลยค่ะ ^-^ เมื่อเข้ามา ก็จะเจอเจ้าของบ้าน อุ๊บ! เจ้าของร้านด้วยสิคะ ชื่อ
"คุณจิรายุส แสงสว่างวัฒนะ" ออกมาต้อนรับลูกค้า และบริการลูกค้าทุกคนด้วยตนเอง  โอ๊ะ โอ๊ะ มิน่าล่ะคะ พนักงานทุกคนถึงเต็มใจบริการกันแบบสุดหัวใจกันเลยค่ะ เจ้านายลงมาลุยฝนกับลูกน้องเอง ลูกค้าก็เยอะมาก ฝนก็ตกหนักเป็นพัก ๆ คุณจิรายุส สีหน้ามีแต่รอยยิ้ม ไม่มีดุ หรือบ่นลูกน้องเลยค่ะ บริการดูแลด้วยตัวเอง แถมอาสาถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวด้วย น่าประทับใจมั๊ก ๆ ค่ะ

เค้กชิ้นแรกที่เปิดตัววันนี้ .. ต้องขออภัยที่จำชื่อเต็ม ๆ ไม่ได้ จำได้แค่ "Red Velvet.." หรือแปลง่าย ๆ ว่าเค้กกำมะหยี่ เพราะเนื้อเค้ก เป็นชิฟฟ่อนสีแดง คั่นด้วยครีมชีสรสเลิศ เป็นครีมชีสที่มีความหอมมัน เข้มข้น ไม่หวานมาก แต่ซ่อนเปรี้ยว แถม...สไลต์เค้กเนื้อบางเบานี้ แบบ 4ชั้น ให้เราได้ลิ้มรสครีมชีสสูตรพิเศษนี้ แบบ ฉ่ำ!หัวใจ กันไปข้างนึงเชียวค่ะ โอ้! คำแรกก็อร่อยมากกกกกกกกก ได้ใจไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ 



ไม่หวงครีม แถมแต่งหน้าเค้ก ด้วยการราดช็อคโกแลตรสหวาน กับแมคคาเดเมีย ซะด้วยค่ะ เจ๋งจริง ๆ เลย ... ฉนนราคา ชิ้นนี้ 95 บาทค่ะ (ครีมอร่อยมากกกกกกกกมายเหลือเกินค่ะ)

ชิ้นที่สอง ที่จะนำมาเสนอนี้ ก็จะเป็นเค้กแห่งความรักค่ะ ภาษาอิตาเลี่ยน คือ Tiramisu อยากลองสั่งมาทานดู เพราะเราเล็งไว้ตั้งแต่ตอนทำการบ้านแล้ว 5555+ และเมื่อเค้กมาเสริ์ฟ ก็เห็นถึงความฉ่ำของเนื้อเค้กจริง ๆ ค่ะ มาลองดูกัน




เห็นถึงความฉ่ำของเค้กและครีมมั๊ยคะ ชั้นล่างสุดเป็นชั้นเค้กกาแฟค่ะ เมื่อตัดรับประทานจะเห็นความฉ่ำของน้ำเชื่อมพรมเค้กที่ผสมเหล้าลิเคียว (เหล้ากลิ่นกาแฟ) หอมมาก ๆ ค่ะ ฉ่ำ ไปทั่วทั้งปากเลย (เอ... จะผิดศีลข้อ 5 มั๊ยคะเนี่ย.. ฮิ ฮิ) คั่นด้วยครีมชีสรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ ตามด้วยเนื้อเค้กอีกชั้นนึง ก่อนจะปิดหน้าด้วยวิปปิ้งครีมสด ที่โรยหน้าด้วยผงโกโก้ และแต่งหน้าด้วยช็อคโกแล็ตค่ะ กลิ่นเหล้าหอม แล้วก็ไม่แรงจนเกินไปด้วยค่ะ .. ติดจาย ติดจาย  ราคาชิ้นนี้ 85 บาทค่ะ

และเค้กชิ้นสุดท้าย เป็นเค้กที่เด็กน้อย ที่ติดตามเราไปด้วย อายุแค่ 3ขวบ แต่อยากจะช่วยชิมเค้ก เป็นคุณหลานชาย เองค่ะ วันนี้หนูน้อย ขอลองพิสูจน์ Oreo Cheese Cake ค่ะ  ^O^



ชีสเค้กชิ้นนี้มีขนาดเล็ก น่ารัก เหมาะสำหรับเด็กมาก ๆ เลยค่ะ (แต่ราคาเนี่ย .. ผู้ใหญ่ต้องจ่ายนะคะ โดนบังคับ 5555) ในภาพยังไม่ได้แกะห่อออกเลยค่ะ เพราะคุณหลานหวงมาก เธออยากแกะเองค่ะ  และเพื่อป้องกันการงอแง เราจึงต้องรอจนเธอแกะรับประทานเองค่ะ

ชีสเค้กชิ้นนี้รองก้นด้วยคุกกี้โอรีโอ้ และครีมชีสรสนุ่ม ๆ ก่อนปิดท้ายด้วยครีมสด และแต่งหน้าด้วยเชอรี่ กับคุกกี้โอริโอ้ค่ะ อันนี้เราไม่ได้ชิมเลย ได้แต่เป็นผู้เฝ้าสังเกตุการณ์ "- -  แล้วลองดูพฤติกรรมของ
คุณหลาน เมื่อเค้กเข้าปากนะคะ  (โอ้ววววว.. มันสุดยอดจริง ๆ เลย เพราะคุณเธอยิ้มมีความสุขเจง เจง)



ราคาชิ้นนี้ 85 บาท ค่ะ วันนั้นจ่ายไปทั้งหมดเฉพาะค่าเค้กก็ 265 บาทเท่านั้นค่ะ... ไม่มี Service Charges แถมบรรยากาศธรรมชาติ ร่มรื่นแมกไม้ และบริการแบบเป็นกันเองค่ะ

เรียกได้ว่าประทับใจมิรู้ลืมเลย เพราะการต้อนรับดีมาก ๆ ระหว่างที่ทาน ก็มีพนักงานเดินมาดูว่าเราต้องการอะไรอีกรึเปล่า ยุงกัดมั๊ย แถมคุณจิรายุส เจ้าของร้าน ก็เดินมาทักทายพูดคุยอยู่ตลอดเลยค่ะ แหม.. บริการดีอย่างนี้ ไม่น่าล่ะ ถึงมีแขกไปเที่ยวบ้านท่านวันละหลาย ๆคน และเค้กก็ทำไม่พอขายกันเลยค่ะ

ก่อนกลับ.. ด้วยความชื่นชมของเรา ที่มีต่อเจ้าของร้าน คือ คุณจิรายุส และภรรยา ผู้ก่อตั้งร้านเค้กในตำนานเมืองเชียงใหม่ จากรักแรกพบของทั้งสองท่าน มาเป็นร้านเค้ก Love at First Bite หรือ รักแรกกัด ให้นักชิมอย่างเรา ได้มีร้านขนมอร่อย ๆ ให้ได้แวะเวียน ท่องเที่ยวพักผ่อนในเวลายามบ่าย ในช่วงเวลาวันหยุดที่เมืองเจียงใหม่ กันนะเจ้า  ยินดีจ๊าดนักเจ้า  (ขอบคุณมากค่ะ)



และนี่คือ ภาพที่ระลึกของเรากับคุณจิรายุส เจ้าของร้านค่ะ  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ.. ขากลับพนักงานก็กางร่มคันใหญ่เดินไปส่งเราถึงรถเลยค่ะ  แหม! บริการดีมาก ๆ ประทับใจทั้งรสชาติเค้ก และการต้อนรับของเจ้าบ้านอันแสนอบอุ่นค่ะ  และสำคัญสุดสุด เราก็ต้องขอขอบคุณ คุณสา... ผู้เป็นเจ้าภาพพาเรามาชิมเค้กร้านนี้ ขอบคุณมากค่ะ ^-^

เพื่อน ๆ ถ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองเจียงใหม่ ก็ลองแวะไปได้นะคะ ของเขาอร่อยจริง ๆ ค่ะ ^ ^ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบายค่ะ

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คุยเฟื่อง เรื่องขนม.. ตอน "แวะเวียน Coffee Beans by Dao"

.... เมื่อเราอยากจะทานเค้กอร่อยมาก ๆ สักชิ้นนึง เป็นเค้กที่เราต้องการทานแล้วรู้สึกประทับใจ
ติดอก ติดใจกันไปนาน แสนนนน นาน  หนึ่งในร้านเค้กในฝันของนักชิมทุก ๆ ท่านนั่นก็คือ
ร้านคอฟฟี่บีนส์บายดาว (Coffee Beans by Dao) นั่นเองค่ะ

เหตุผลที่ว่า ทำไมเค้กของร้านนี้ อยู่ในกระแสความนิยมของนักชิมตัวยงทั้งหลาย .. นั้นจึงเป็นภาระกิจของเราที่จะต้องเดินทางไปแวะชม และชิม เพื่อค้นหาคำตอบ พร้อมกับนำภาพและถ่ายทอดเรื่องเล่าความอร่อย มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ ^-^

... และแล้ว วันนี้สหายคู่ใจก็ได้ชวนเราไปชิมร้านที่มีเค้กแสนจะอร่อย เรียงรายกันเป็นตับอยู่บนตู้โชว์เลยค่ะ แต่แหม! คงไม่สามารถจะชิมวันเดียวหมดแน่นอน เพราะมีเยอะมาก และหน้าตาเก๋ ๆ ทั้งน๊าน แต่..ราคาก็สมกับคุณภาพความสดใหม่ ความอร่อย ของขนม + บรรยากาศในร้าน รวมถึงบริการอันยอดเยี่ยมของบริกรทุกท่านค่ะ

เค้กชิ้นแรกที่จะนำมาคุยให้เพื่อน ๆ ฟังมีชื่อเรียกว่า "เบบี้บูม Babyboom Cake" ค่ะ



เค้กเบบี้บูมนี้ออกจะเป็นแนวเค้กสุขภาพสักนิดนึง หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า Low Fat เพราะลักษณะเด่นของเค้กนี้ อยู่ที่เนื้อเค้กเป็นเนื้อนุ่มบางเบา ผสานความเปรี้ยวของสตอร์เบอรี่ คลุกเคล้าด้วยครีมสดรสหวานนิดนิด แต่งหน้าด้วยผลสตอร์เบอรี่และราดด้วยซอสอีกชั้นนึงค่ะ .. และเมื่อส่วนผสมลงตัวกันขนาดนี้ พอเข้าปากปุ๊บ... ความนุ่มเบา ของเค้กและครีมสด ก็ละลายในปากของนักชิมอย่างเราทันที  ^ ^ อร่อยนี้แสนจะเพลินใจ..  ราคาชิ้นละ 120 บาท ค่ะ

ดูกันชัด ๆ อีกทีนึงนะคะ ... ว๊าว น่าทานจริงๆ เลยค่ะ (อร่อยด้วย)





... ตามด้วยความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับเค้กช็อคโกแล็ตกล้วยหอมค่ะ แต่วันนี้ลองมาทานดู เพราะรู้สึกว่าที่เห็นโชว์อยู่นั้นดูเก๋ดี เพราะช็อคโกแล็ตเยอะมากกกกกกกกกกก ตอนแรกก็แอบเดาว่าเป็นช็อคโกแล็ตกานาซรึเปล่าา ??? แต่ปรากฏว่า




เมื่อถอดพลาสสิตพันเค้ก ก็ถึงกับตะลึงงัน !??!!  เพราะเค้กนี้มีแต่ช็อคโกแล็ตกับกล้วยหอมค่ะ เค้กนี้มีชื่อว่า "Banana Chocolate Cake" ค่ะ ไม่ใช่แบบหน้านิ่มนะคะ ช็อคโกแล็ตเยิ้มจนน่ารับประทานมากเลยค่ะ เนื้อเค้กก็น้อย เพราะแค่นำมารองชั้นล่าง และชั้นบนเท่านั้นเอง ส่วนตรงกลางนั้น กล้วยหอมและช็อคโกแล็ตล้วน ๆ ค่ะ เนื้อเค้กก็หอมอร่อยดี รสชาติเบา ๆ ไม่หวานมาก หอมกล้วยหอมค่ะ เข้ากันดีมากเลยทั้งเนื้อเค้ก + กล้วย + ช็อคโกแล็ตฟัจด์ อ้อ! รสของช็อคโกแล็ตไม่ขมแบบ Dark Chocolate นะคะ ออกจะเป็นแนว ๆ semi-sweet chocolate มากกว่าค่ะ ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 100 บาท ค่ะ

ชัด ๆ อีกทีนะคะ ^ ^




สรุปภาระกิจพิสูจน์ความอร่อยของเรา.. ก็เอวังฯ ด้วยราคาเค้ก 220 บาท พร้อม Service Charges 10%
อร่อยทั้งสองอย่างเลยค่ะ เกลี้ยงแบบว่า .. (เกรงใจค่ะ ไม่กล้าถ่ายจานเปล่ามาฝากกันเลยทีเดียว)

เพื่อน ๆ เป็นยังไงกันบ้างคะ อยากทานขึ้นมาแล้วใช่รึเปล่า???  อันนี้แค่นำมาฝากสนุก ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันนะคะ ใครมีโอกาส (และมีสตางค์) อยากลองไปเปิดประสบการณ์เค้กอร่อย ยอดนิยม ก็เชิญลองแวะไปนะคะ แล้วถ้ามีโอกาส Almondo Homemade Bakery by Panita จะนำเรื่องเล่าดีดี มาเล่าสู่กันฟังอีกค่ะ แล้วพบกันใหม่คร้าาาาา... บ๊าย บาย ค่ะ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำไมจึงต้องเลือกคุกกี้ที่ผลิตจากเนยสดแท้ 100%

.... ก็เพราะว่าเนยสด (Butter) นั้น ทำมาจากส่วนที่เป็นไขมันของน้ำนมวัว ประกอบด้วยไขมัน 80% มีสีเหลือง มีกลิ่นหอม  ใช้ได้ดีในการให้กลิ่น รส และแม้ว่าจะประกอบด้วยไขมันที่สูง แต่เป็นไขมันที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ โดยหากบริโภคเนยสดในปริมาณ 100 กรัม เราจะได้รับแคลอรี่ 725 , ไขมัน 81.6 และยังได้รับแคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน วิตามินเอ และบี อีกด้วย

                ไขมันจากเนยสด เป็นไขมันชนิดที่มีความยาวของโมเลกุลขนาดปานกลาง (Medium-chain Saturated Fats) จะสามารถถูกย่อยไปใช้โดยง่าย ไม่มีการสะสมเหมือนไขมันชนิดอื่น แต่ต้องเป็นเนยสด (Butter) ที่ผลิตสด โดยการปั่นแยกจากน้ำมันโดยตรง ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีอื่นๆ  เราแทบจะไม่เคยพบชื่อนี้ในตารางคุณค่าทางโภชนาการของคุกกี้ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดเลย เพราะเมื่อหยิบดู จะใช้ชื่อส่วนประกอบว่า “ไขมัน” หรือ “ไขมันปาล์ม” และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Trans Fat, Hydrogenated vegetable oil, partially hydrogenated vegetable oil, vegetable oil shortening, Shortening, Hydrogenated margarine  เป็นต้น

                ไขมันที่ไม่ใช่เนยสด และนิยมนำมาผลิตเป็นขนมอบนั้น มีอยู่ 2 อย่าง คือ เนยขาว (Shortening) และมาการีน (Margarine) แต่เนยขาวที่มีคุณภาพดีจะมีราคาที่แพงกว่ามาการีน ผู้ผลิตจะใช้เนยขาวในการทำขนมปังแซนวิช เนื่องจากไม่ต้องการให้ขนมปังมีเนื้อขนมที่เหลือง หรือผสมในบัตเตอร์ครีม เพื่อช่วยเสริมโครงสร้างของเนยสดที่ไม่ทนต่ออากาศที่ร้อนได้

                มาการีนนั้น เป็นเนยเทียมที่ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบเนยสดแท้ มีส่วนผสมมาจากไขมันจากพืช หรือสัตว์ แทนที่จะทำจากน้ำนมวัว  จึงต้องมีการเติมสี กลิ่น สารกันบูด และเข้ากระบวนการสังเคราะห์ เพื่อให้ได้คุณภาพใกล้เคียงกับเนยสดแท้มากที่สุด

                ท่านผู้อ่านคงจะรู้จัก หรือเคยได้ยิน “ไขมันทรานส์” (Trans fat) ซึ่งเป็นไขมันฝ่ายอธรรมของร่างกายมนุษย์เรา เป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่มีคุณสมบัติเหมือนไขมันอิ่มตัว สามารถพบได้ตามธรรมชาติเล็กน้อยในอาหารพวกเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์นมประมาณร้อยละ2-5 ของไขมันทั้งหมด แต่ด้วยความสามารถของมนุษย์ซึ่งเป็นนักคิดค้น จึงได้สังเคราะห์ Trans fat ขึ้นจากไขมันไม่อิ่มตัวของพืช ไขมันพืชที่ผ่านกระบวนการแปรสภาพทางเคมีโดยอาศัยปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชัน (Hydrogenation) จะทำให้เกิดกรดไขมันชนิดทรานส์ (Trans Fatty Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนไขมันอิ่มตัวที่มาจากสัตว์คือ สามารถแข็งตัวได้ที่อุณหภูมิห้อง ดังนั้น มาการีน นั้นจึงจัดอยู่ในกลุ่มที่ทำให้เกิดไขมันทรานส์ ได้มาก เช่นกัน เพราะเป็นเนยที่ได้จากการสังเคราะห์

             คุกกี้ จัดเป็นอาหารว่างที่เราสามารถหาซื้อมารับประทานได้ง่าย แต่เนื่องจากสภาพการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในตลาดเบเกอรี ทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้มาการีนเข้ามาทดแทนเนยสด เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ หากผู้ผลิตที่มีจรรยาบรรณมากหน่อย อาจจะผสมแค่บางส่วน หรือหากต้องการกำไรที่มาก ก็จะใช้แทนเนยสดทั้งหมด แต่อาจจะจำหน่ายในราคาที่แพงได้เช่นกัน

ผู้เขียนขอเชิญท่านผู้อ่าน ลองไปสำรวจมาการีนตามร้านขายวัตถุดิบเบเกอรี่ หรือในตลาดสดทั่วไปดู จะพบว่าคนที่มาซื้อนั้น มักจะซื้อมาการีนแบบไม่มียี่ห้อ สีเข้ม เพราะมีราคาถูกกว่า (มาการีนทาหน้าโรตี) มาการีนแบรนด์เนมมาก และแน่นอนว่าท่านคงไม่ได้รับแค่ไขมันทรานส์ เข้าสู่ร่างกายเพียงอย่างเดียวแน่นอนค่ะ ขอให้ระวังในการเลือกบริโภค เพราะจากประสบการณ์ของผู้เขียน มักจะได้ยินคำว่า “เท่าไรก็จ่าย ขอให้อร่อย ทำมาจากอะไรก็ไม่สน” อย่าลืมว่า ความคิดของผู้ผลิตบางรายก็อาจไม่สนใจท่านเช่นกัน “ใช้ของถูก ๆ ไว้ก่อน ใครกินแล้วจะเป็นยังไงก็ไม่สน ขอให้ขายได้”

                จรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่นำมาพูดถึงกันในช่วง10 ปี มานี้ เพื่อเปลี่ยนแนวความคิดของผู้ประกอบการจาก “ทำธุรกิจเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด” เป็น “ทำธุรกิจ เพื่อให้สังคมได้รับประโยชน์สูงสุด” แทน ให้ธุรกิจเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สังคม สร้างสรรค์ผู้บริโภค ดูแลลูกค้า ดูแลสิ่งแวดล้อม และรักษ์โลก

และ...เพื่อสุขภาพที่ดี ไม่เสี่ยงต่อโรคร้าย จึงควรเลือกบริโภคคุกกี้ หรือขนมที่ผลิตจากเนยสดแท้ และ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุกกี้ Almondo มีให้ท่านเลือกหลากหลายความอร่อย เราผลิตจากเนยสดแท้ 100% ค่ะ

ด้วยความปรารถนาดี จาก Almondo Homemade Bakery by Panita

ขอขอบพระคุณ แหล่งที่มาของข้อมูลทางวิชาการ ได้แก่

จริยา  เดชกุญชร. ศิลปะการแต่งหน้าเค้กพื้นฐานเบื้องต้น และขั้นประยุกต์ . ศรีสยามการพิมพ์, 2537.
http://www.vcharkarn.com
http://www.dairyhome.co.th